เก็บไว้เป็นความรู้ ที่ดินและทรัพย์สิน โอนให้ลูกแล้ว เรียกคืนได้หรือไม่

จากที่เราได้ดูข่าวหลายต่อหลายช่อง และหลายครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับพ่อแม่ โอนที่ดิน ทรัพย์สินให้ลูกตัวเอง เพื่อหวังฝากผีฝากไข้ ให้ลูกหลานเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า แต่สุดท้ายกลับกลับโดนลูกในไส้หักหลัง เนรคุณ และไล่พ่อแม่ออกจากบ้าน จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เรามิอาจจะไปทราบได้ เพราะมันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวเขา แต่วันนี้ปริญญาชีวิต ได้ไปหาความรู้เพิ่มเติมมา ว่าหากเกิดเหตุการณ์ในกรณีนี้กับเรา เราจะทำอย่างไร

มรดกที่ดินโอนให้แล้วจะเรียกคืนได้ไหม

ถ้าพ่อแม่ยังไม่ เ สี ย ชี วิ ต อย่างนี้เรียก ให้โดยเสน่หา ค่ะ สามารถถอนคืนการให้ด้วยเหตุเนรคุณได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 ค่ะ เราไปดูคำขยายความเพิ่มเติมเลย

การให้ คือ สัญญาซึ่งบุคคล เรียกว่า ผู้ให้โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนี้ และการมอบให้นั้นจะต้องไม่ได้หวัง สิ่งตอบแทนแต่อย่างใด เช่น แม่ยกบ้านพร้อมที่ดินให้ลูกโดยเสน่หา โดยการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินเรียบร้อย โดยที่ลูกไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนอะไรให้แม่ ดังนั้น จึงเรียกว่าเป็นการมอบให้โดยเสน่หา

แล้วจะทำอย่างไรหากแม่ต้องการอยากได้ที่ดินคืนจากลูก ซึ่งอยู่ดีๆเมื่อแม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านไปให้ลูกแล้ว แม่อยากจะเรียกที่ดินคืนจากลูกไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก การให้โดยเสน่หา เมื่อให้กันแล้วจะไม่สามารถถอนคืน หรือ เรียกคืนได้ หากการให้นั้นชอบด้วยกฎหมาย แต่จะมีข้อยกเว้นที่สามารถเรียกคืนได้ คือ

การประพฤติเนรคุณ มีลักษณะดังนี้

(1) ถ้าผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดฐานอาชญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา เช่น ทำร้ายร่างกาย

(2) ถ้าผู้รับได้ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง เช่น นาย ก. มอบที่ดินให้ นาข ข. โดยเสน่หา ต่อมา นาย ก. เจ็บป่วยไปขอความช่วยเหลือจาก นาย ข. นาย ข. ไม่พอใจพร้อมพูดว่า “ บักหมามึงแก่แล้ว พูดจากลับไปกลับมาเหมือนเด็กเล่นขายของ มึงไม่มีศีลธรรม มึงไป ต า ย ที่ไหนก็ไป ” ถือได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาท นาย ก. อย่างร้ายแรง จึงมีเหตุประพฤติเนรคุณที่นาย ก.จะจะเรียกคืนที่ดินกับนาย ข. ได้

(3) ถ้าผู้รับได้บอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่ผู้ให้ ในเวลาที่ผู้ให้ยากไร้และผู้รับยังสามารถจะให้ได้ เช่น แม่โอนบ้านพร้อมที่ดินให้แก่ลูก โดยการเปลียนแปลงชื่อในโฉนดเรียบร้อยแล้ว แต่แม่ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ต่อมาลูกกลับขับไล่แม่ออกจากบ้านพฤติกรรมของลูกก็ถือว่าประพฤติเนรคุณแล้ว ดังนั้นแม่สามารถเรียกร้องบ้านพร้อมที่ดินคืนจากลูกได้

ระยะเวลาในการฟ้องร้องคดีถอนการให้โดยเสน่หา

1 มีระยะเวลา 6 เดือนนับจากที่รู้ หรือ

2 ภายใน 10 ปี นับจากเหตุประพฤติเนรคุณนั้นได้เกิดขึ้น

สรุป ผู้ให้ต้องยังไม่ได้ให้อภัยแก่ผู้รับในเหตุประพฤติเนรคุณนั้น และต้องฟ้องถอนคืนการให้ภายใน 6 เดือนนับแต่เมื่อทราบถึงเหตุประพฤติเนรคุณ แต่ไม่เกิน 10 ปี ภายหลังเหตุการณ์ประพฤติเนรคุณนั้น

และการให้ที่ไม่สามารถที่จะฟ้องขอเพิกถอนคืนการให้ เพราะเหตุเนรคุณ ได้แก่

1 ให้เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ 2 ให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน 3 ให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยา 4 ให้ในการสมรส

และนี่ก็เป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเรียกคืนมรดกในกรณีที่ลูกหลานไม่เลี้ยงดูหรือเนรคุณ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญไม่ใช่หลักฐานการโอนเงิน แต่สิ่งสำคัญ คือ “ใจ” ของพ่อแม่ ว่ามีความรู้สึกว่า คุณรักและดูแลท่านไหม ทำให้ท่านชื่นใจมีความสุขไหม เป็นคนที่น่าไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์หรือเปล่า ถ้าคุณรักและดูแลพ่อแม่ ถึงท่านจะมีสิทธิเรียกคืน ท่านก็คงจะไม่เรียกคืน

หากต้องข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาทนายใกล้บ้านท่าน

อ้างอิงเนื้อหาบทความจาก

1 www.nitilawandwinner.com/content/17308/แม่โอนที่ดินให้ลูก-ต่อมาแม่อยากได้ที่ดินคินสามารถทำได้หรือไม่-ทนายนิธิพล-

2 www.jarataccountingandlaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=437855&Ntype=4

3 www.closelawyer.com/16807362/ผู้ให้อาจฟ้องขอถอนคืนการให้ได้-เมื่อผู้รับประพฤติเนรคุณ

ภาพประกอบบทความเท่านั้น

ที่มา ปริญญาชีวิต